ขณะที่จากผลการสำรวจการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดวันแม่แห่งชาติ ปี 2566 จากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า คนไทย 23% ไม่มีแผนท่องเที่ยวในจังหวัดของตนเอง 23% วางแผนเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงและพักค้างคืน21 % ไปจังหวัดใกล้เคียงโดยไม่พัก ค้างคืน 20% และเที่ยวข้ามภูมิภาค 13% อีกทั้งช่วงปลายเดือน ก.ค.-ต้น ส.ค. มีวันหยุดยาว 6 วัน ซึ่งคนไทยได้ใช้ช่วงเวลานี้ในการท่องเที่ยว
ประกอบกับสภาพอากาศในหลายพื้นที่มีฝนตกค่อนข้างมาก จึงคาดว่า คนไทยจะเลื่อนการเดินทางออกไป ทำให้บรรยากาศการเดินทางช่วงวันหยุดเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และวันแม่ปีนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าจะมีผู้เข้าชมชาวไทย 2.60 ล้านครั้ง และมีรายได้ 8,760 ล้านบาท โดยทั้งจำนวนและรายได้ติดลบร้อยละ 4 และร้อยละ 5 ตามลำดับ
ขณะที่จากข้อมูลการค้นหาห้องพักของ Agoda วันแม่เป็นวันเช็คอินยอดนิยมของคนไทยในเดือน เดือนสิงหาคมที่คนไทยเริ่มเตรียมตัวและวางแผนพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อน พักผ่อนช่วงวันหยุดยาววันแม่ในเดือนสิงหาคมปีนี้ อโกด้า ดิจิทัลทราเวลแพลตฟอร์มเผย 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศยอดนิยมที่คนไทยค้นหามากที่สุด พัทยารั้งอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ หัวหิน/ชะอำ กรุงเทพฯ เขาใหญ่ และกาญจนบุรี แสดงให้เห็นว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยคุ้นเคยยังคงนิยมไปฉลองวันแม่ พัทยายังคงเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่ได้รับความนิยมสูงสุด
กับเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ชายหาดที่มีชีวิตชีวาในตอนกลางวัน และสถานบันเทิงยามค่ำคืนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงกิจกรรมที่ครอบครัวสามารถทำร่วมกัน เช่น ถ่ายรูปกับภาพวาด 3 มิติที่ Art In Paradise Pattaya และเดินเล่นสบายๆ ที่ตลาดน้ำ 4 ภาค พร้อมเลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง และกินอาหารอร่อย ๆ เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ คงอดไม่ได้ที่จะนึกถึง เขาใหญ่ ที่ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพรและผู้ที่ไม่อยากเดินทางไกลจากกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมายให้ทั้งสองครอบครัวได้ใกล้ชิดธรรมชาติและใช้เวลาร่วมกัน คลายร้อนที่นี่น้ำตกผากล้วยไม้ หรือปั่นจักรยานรอบทะเลสาบที่สวอนเลค เรสซิเดนซ์ เขาใหญ่เพื่อชมทิวทัศน์ภูเขาโดยรอบพร้อมชมพระอาทิตย์ตกดิน (ที่มา agoda.com)
สรุปได้ว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงวันหยุดยาววันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 12-14 สิงหาคม 2566 มีบรรยากาศการเดินทางชะลอตัวเล็กน้อยตามวันก่อนหน้า วันหยุดยาวที่คนไทยใช้เวลาดังกล่าวท่องเที่ยวอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบด้านราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และราคาสินค้าและบริการที่พุ่งสูงขึ้นยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการใช้จ่ายของคนไทย ส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางและรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วง 3 วันหยุดเทศกาลไม่คึกคักเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว